วันที่สอง เกนติ้งไฮแลนด์ - ถ้ำบาตู - ย่านไชน่าทาว์ - ตึกแฝด ปิโตรนาส
วันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้าตรู่ ถึงแม้จะง่วงมากก็ตาม เช้านี้อากาศเย็นสบาย มีฝนครึ้มๆเล็กน้อย พวกเรารีบเดินทางไปยัง KL Sentral เพื่อไปขึ้นรถบัสบริเวณชั้นล่าง เราเดินทางไปถึงท่ารถประมาน 08.40 น. ปรากฎว่ารถเต็มไปแล้ว จึงทำให้เราได้รอบรถที่เวลา 11.30 น. สรุปจึงต้องเสียเวลาในการรอรถอีก 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งจุดนี้ถ้าใครที่ไม่อยากเสียเวลารอรถเหมือนกับแอดมินละก็ แอดมินแนะนำว่าให้ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่จ้า หรือไม่ก็ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้เลย จุดนี้แอดมินพลาดจริงๆ สำหรับตั๋วรถบัสที่ซื้อนั้นจะเป็นราคารวมค่านั่งกระเช้าไปยังเกนติ้งแบบขาเดียว ราคาทั้งหมด 10.30 RM จ้า ซึ่งตั๋วที่ซื้อมาจะมีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน (ตามรูปภาพด้านล่าง) ในส่วนซ้ายมือ จะเป็นตั๋วของ SKYWAY ตรงกลางจะเป็น Copy ของทั้ง SKYWAY และ BUS ขวามือเป็นตั๋วของ BUS จ้า
หลังจากได้เวลาขึ้นรถเรียบร้อย เราก็เริ่มเดินทางขึ้นสู่ยอกเขาเกนติ้งกันเลย !! พอขึ้นรถปุ๊บแอดมินก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆเพราะได้ชมทิวทัศน์รอบๆเมืองของกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อนๆอยากรู้ว่าสวยแค่ไหน ตามไปชมกันที่ภาพด้านล่างกันเลยจ้า
เผลอแปปเดียวเราก็เดินทางมาถึงยังจุดนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาเกนติ้งแล้ว แอดมินสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง 555+ เอ้ย!! ไม่ใช่ แอดมินสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของอากาศเย็นลอยมาไกลๆละค่ะ อิอิ พอรถจอดเทียบชาญชลา พวกเราก็รีบเดินทางขึ้นสู่ตัวอาคาร เราจะต้องขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ 3 ซึ่งจะเป็นชั้นที่ใช้สำหรับขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาเกนติ้ง
เมื่อเราขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามแล้ว เราจะพบกับร้านขายของฝาก รวมไปถึงร้านอาหารให้เราได้นั่งแวะทานก่อนไปขึ้นกระเช้า เราเดินตามป้ายไปเรื่อยๆก็จะพบกับจุดขึ้นกระเช้า ซึ่งก่อนที่จะขึ้นกระเช้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยเก็บตั๋วของเรา กระเช้าสามารถนั่งได้กระเช้าละ 8 ท่านเท่านั้นนะค่ะ
ซึ่งแอดมินขอแนะนำว่าคนที่กลัวความสูงให้นั่งหันหน้าขึ้น เพราะจะทำให้ไม่ค่อยเห็นความสูงเท่าไรนัก แต่หากคนที่ชอบความท้าทายการนั่งหันหลังจะทำให้มองเห็นความสูงขณะที่กระเช้ากำลังเคลื่อนตัวขึ้นจ้า
เมื่อเราขึ้นมาถึงยอดเขาเกนติ้ง ให้เราเดินตามป้ายเพื่อไปยังโรงแรม First World ระหว่างทางเราจะพบกับอาคารที่มีสีสันโดดเด่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ แอดมินมุ่งหน้าไปยัง Indoor Theme park ซึ่งตั้งใจว่าจะเริ่มเที่ยวตั้งแต่ด้านในมายังด้านนอก ภายใน Indoor Theme Park ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ด้านล่างเป็นภาพบรรยากาศบริเวณลานจอดรถระหว่างโรงแรมแมกซิม (Maxim Hotel) และโรงแรมเฟริสเวิร์ล (First world) อากาศเย็นสบายมาก แอดมินแวะทานไก่ทอดอันขึ้นชื่อของมาเลเซีย คือร้าน Marry Brown เป็นร้านคล้ายๆ KFC บ้านเรา แต่รสชาดของไก่จะมีกลิ่นเครื่องเทศฉุนพอสมควร ที่สำคัญคือไก่ทอดของเค้ากรอบมมว๊าก
พอแอดมินทานไก่เสร็จแล้ว ก็รีบไปลุยต่อยัง Indoor Theme Park ภายใน Indoor Theme Park สามารถเข้าชมได้ฟรี แต่หากจะเล่นเครื่องเล่นต้องเสียเงินนะจ๊ะ บรรยากาศภายใน Indoor Theme Park จะมีการจำลอง Landmark ของประเทศอื่นๆ เช่น หอไอเฟล เทพีเสรีภาพ ตึกแฝดปิโตรนาส รูปปั้นออสการ์ Academy Award of Merit เป็นรูปอัศวินถือดาบครูเสดเอาปลายแหลมลงดิน ยืนบนม้วนแผ่นฟิล์ม เป็นต้น
นอกจากนี้ภายใน Indoor Theme Park จะมีคาสิโน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชคด้วยนะค่ะ ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปเสี่ยงโชคภายในคาสิโนแห่งนี้ จะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และต้องแต่งกายสุภาพ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะต้องแสดงพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าไปภายในคาสิโนด้วยนะค่ะ แอดมินลองเข้าไปชมภายในของคาสิโน ภายในมีเครื่องเล่นให้เสี่ยงโชคมากมาย แต่แอดมินไม่ได้เล่นนะค่ะ (แอบเล่นไม่เป็น 55) ด้านในจะมีกลิ่นควันบุหรี่เยอะมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่สูบบุหรี่กันหมด แอดมินคาดว่าน่าจะเครียดจากการเล่นพนันแน่นอน ซึ่งภายในคาสิโนห้ามถ่ายรูป แอดมินจึงไม่รูปมาฝากแฟนเพจเลย

หลังจากที่แอดมินเดินเล่นในคาสิโนเสร็จ ก็ตั้งใจว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นที่บริเวณ Outdoor Theme Park แอดมินเดินหาอยู่พักใหญ่ๆ ก็หาทางลงไปไม่เจอ แอดมินจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ จึงได้รับคำตอบกลับมาว่า ส่วนของ Outdoor Theme Park ตอนนี้ไม่มีแล้ว กำลังปิดทำการ เพื่อที่จะทำสวนสนุกรูปแบบใหม่ที่สวยและอลังการกว่าเดิม เฮ้อ!! ณ จุดๆนี้ แอดมินแอบนอยด์นิดๆ เพราะไม่ได้เชคข้อมูลมาตั้งแต่แรก!! เมื่อแอดมินอดเล่นสวนสนุก ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายกลับลงมาเที่ยวในตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์แทนแอดมินมุ่งหน้าซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าและตั๋วรถบัสเดินทางกลับไปยัง KL Sentral แต่ด้วยช่วงนั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่เกนติ้งค่อนข้างเยอะ จึงทำให้แอดมินต้องรอรถในรอบ 18.30 น. ทั้งๆที่แอดมินลงมาถึงยังจุดต่อรถบัสตั้งแต่ 16.00 น. ด้วยความที่แอดมินไม่อยากเสียเวลาในการเที่ยว แอดมินจึงตัดสินใจเหมารถแท็กซี่จากเกนติ้ง ลงมายัง KL Sentral หน้างานแท็กซี่เค้าจะคิดราคาเราประมาน 90 RM ซึ่งเราสามารถต่อรองราคาได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าจะต่อได้เท่าไร 555 + แอดมินต่อราคาเหลือ 80 RM ซึ่งหากมีผู้ร่วมเดินทางหลายๆคน พอหารราคาออกมาแล้วก็จะไม่เท่าไร เป็นการซื้อเวลาได้ดีอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ ด้วยความโชคดีของแอดมิน แอดมินเจอคนขับรถแท็กซี่ชาวจีน แต่พูดไทยได้ดีระดับหนึ่ง จึงทำให้แอดมินรู้สึกอุ่นใจ เพราะจะได้สื่อสารกันรู้เรื่อง ระหว่างทางที่เราขับรถลงมาเรื่อยๆ เราก็ผ่านถ้ำบาตู พี่คนขับแท็กซี่ถามเราว่าจะแวะไหม เค้าจะพาแวะให้ถ่ายรูปสัก 10 นาที แอดมินดีใจมาก ตอบได้แบบไม่รีรอเลยว่า “แวะค่ะ 55+”

เมื่อเรามาถึงถ้ำบาตู แอดมินก็แวะลงไปถ่ายรูปด้านหน้านิดหน่อย เพราะถ้าขึ้นไปยังถ้ำบาตู กว่าจะกลับลงมาก็คงค่ำพอดี แอดมินจึงตัดสินใจถ่ายรูปแค่ด้านหน้าแล้วก็รีบไปยังย่านไชน่าทาว์ต่อ แอดมินเก็บภาพบรรยากาศที่ถ้ำบาตูมาฝากด้วยนะค่ะ พอแอดมินเดินทางมาถึงย่านไชน่าทาวน์ ซึ่งเป็นย่านที่มีสินค้าก๊อปปี้แบรนด์เนมมากมายให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า น้ำหอม กระเป๋าฯลฯ แอดมินก็แวะช้อปปิ้งซื้อของฝากนิดหน่อย แล้วก็เดินมาชมวัดแขก (Sri Mahamariamman Temple วัดของชาวฮินดูที่เก่าแก่และรุ่งเรืองที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 เป็นวัดที่มีสถาปัตกรรมที่มีเอกลักษ์ ซึ่งลักษณะของวัดมีความคล้ายคลึงกับวัดแขกที่สิงคโปร์ที่แอดมินได้เคยรีวิวไว้ใน “รีวิว แบกเป้ เที่ยวสิงคโปร์ ด้วยตัวเอง แบบราคาไม่แพง ตอน 2”


จากนั้น แอดมินก็มุ่งหน้าสู่ MRT Pasar Seni Seni จากสถานีเราจะเห็นภาพวาดสวยๆ ที่กำแพง เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน แม่น้ำด้านล่างเป็นแม่น้ำ Kelang เราจะนั่งรถไฟฟ้าเพื่อไปชมตึกแฝด (Pitronas Twin Tower) ยังสถานี MRT KLCC พอเรามาถึง KLCC แต่ฟ้าฝน ไม่เป็นใจเลย ฝนตกหนักมาก เราเลยไปนั่งทานกาแฟชื่อดังของมาเลเซียที่ชั้นใต้ดิน ห้าง Suria เพื่อรอฝนหยุด คือ ร้าน OLD TOWN WHITE COFFEE เป็นร้านกาแฟชื่อดังของมาเลเซีย ที่มีสูตรกาแฟเฉพาะเป็นของตนเอง แถมยังเปิดมายาวนาน อร่อยสมชื่อของนางจริงๆค่า เราพิสูจน์แล้ว 555 ระหว่างนั่งรอฝน ร้านนี้ มี wifi ให้ด้วยนะ สามารถอัพรูปได้ตามใจชอบ ^^
หลังจากฝนหยุดตก ก็ค่ำแล้ว แอดมินจึงรีบมุ่งหน้าไปถ่ายรูปที่ตึกแฝดทันที ตึกแฝดปิโตรนาส เป็นอาคารคู่ที่มีสถาปัตยกรรมอันโดเด่น ตั้งอยู่บริเวณย่านใจกลางธุรกิจหลักของเมือง มีทั้งหมด 88 ชั้น และยังเป็นตึกแฝดหนึ่งเดียวที่มีความสูงที่สุดในโลกอีกด้วย!!!
หลังจากแอดมินแวะถ่ายภาพกับเจ้าตึกแฝดนี้เรียบร้อยแล้ว ก็สมควรแก่เวลาไปพักผ่อน สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^^'
*************************************
วันที่สาม อสระช้อปปิ้ง - สำรวจ KLIA 2 - กรุงเทพฯ
วันนี้แอดมินตื่นสายหน่อย เลยเชคเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ประมาณ 11 เช้า พร้อมลากกระเป๋าเดินทางคู่ใจมานั่งรถไฟสาย Imbi ลงสถานนี KL Central เราแวะเพิ่มพลังกันที่ร้าน Meals ซึ่งมีเมนูอาหารหลากหลายให้เราเลือกทานกัน ราคาก็จัดว่าไม่แพงจนเกินไป
หลังจากที่เราทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่ KLIA2 เพื่อไปสำรวจท่าอากาศยานแห่งใหม่ของมาเลเซีย แอดมินซื้อตั๋วรถตรงที่เดิมที่ซื้อไปเที่ยวเกนติ้งไฮแลนด์ ราคาบัตรโดยสารจะอยู่ประมานที่
10 RM รถบัสจะมาจอดบริเวณหน้าทางเข้าท่าอากาศยานพอดี ซึ่งเราจะต้องเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีร้านขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์ต่างๆอยู่มากมาย ซึ่งแอดมินขอบอกว่า KLIA2 กว้างมาก แถมแหล่งช้อปปิ้งก็ถุกใจแอดมินเป้นอย่างยิ่ง แอดมินเดินสำรวจเพลินจนลืมถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วย แต่แอดมินก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ จากเว็บไซด์ของพันทิป ซึ่งเป็นกระทู้ของ คุณ thanachard เค้ารีวิวเกี่ยวกับท่านอากาศยาน KLIA2 ไว้ได้ละเอียดมากๆเลยค่ะ ซึ่งแอดมินต้องขออนุญาตนำข้อมูลดีๆของคุณ thanachard มาแชร์ต่อ ให้แฟนเพจของแอดมินได้ทราบข้อมูลดีๆนะค่ะ ซึ่งหากใครสนใจข้อมูลดีๆ สามารถเข้าไปคลิ๊กดูตามลิงค์นี้ได้เลยนะค่ะ http://pantip.com/topic/32025093
หลังจากที่แอดมินสำรวจ KLIA2 เรียบร้อยแล้ว แอดมินก็เตรียมเดินทางต่อไปยัง KLIA1 เพื่อเตรียมตัวเชคอินขึ้นเครื่องเดินทางกลับสู่ประเทศไทย สำหรับทริปนี้ก็เป็นอีกทริปหนึ่งซึ่งแอดมินรู้สึกประทับใจ
เพราะเป็นทริปที่ทำให้แอดมินได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น แต่ทริปนี้มีเวลาเตรียมตัวน้อยไปนิด จึงทำให้มีข้อมูลมาลงรีวิวน้อยมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ 
|